• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนมักจะคิดแบบงี้

Started by fairya, April 06, 2023, 04:08:43 PM

Previous topic - Next topic

fairya

ในตอนที่ยังเป็นเด็กนักเรียน หลายๆคนต่างเชื่อเสมอว่าถ้าเกิดได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี เงินเดือนที่ดี รวมทั้งยิ่งเป็นอาชีพที่ผู้ใดก็รู้จักดังเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าจ้างรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเยอะแยะพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขยังเป็นอาชีพที่จัดว่า "มีหน้ามีตา" ใครก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของความจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะกับทุกคนเสมอ

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุใด ถ้าในที่สุดก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าจ้างรายเดือนที่ไม่ได้ล้นหลามอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความคาดหมายที่คิดว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ว่าถ้าหากทดลองกลายเป็นความคิด "ฉันปฏิบัติงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แม้กระนั้นถ้าคิดๆดูแล้ว มันได้การเพลิดเพลินใจ เยอะกว่าการตั้งปัญหาแบบแรกด้วยเหตุว่าเรื่องจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ในตนเอง "ผิดแผก" กันไปพวกเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก่งเช่นเดียวกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยถึงแม้ว่าจะเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งขนาดไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องทราบเหตุการณ์อีกมาก

ศึกษากันอีก ย า ว ลองผิดลองถูกกันอีกมากมายโดยเหตุนี้ จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำต้องทำงานสายวิทย์ เรียนสายภาษาต้องดำเนินงานสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆศึกษา ค่อยๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังบันเทิงใจในตอนนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งในตอนนี้ ในในภายหน้า มันอาจเป็นเพียงแค่ความจำ

เนื่องจากอาจมีหลายต้นสายปลายเหตุให้คิดมากขึ้น อาทิเช่น จำต้องพับโครงการศึกษาต่อเอาไว้

เนื่องจากว่าเงินไม่เพียงพอจะต้องทำงานหาเงินก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยไปเรียนศิลป์ที่พวกเราถูกใจ ...

พวกเราจำต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่พวกเราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหลอมหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ให้เราเบาๆดูดซึมข้อดีแต่ว่าอย่างไปเอง เป็นต้นว่า ฝึกหัดความทรหดอดทน, ฝึกฝนความประณีตบรรจงและละเอียดลออ,

ฝึกทักษะการเข้าสังคมในคราวหนึ่งที่เรามองไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง เพียงพอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรมีบ้างล่ะที่เราคิดอะไรขึ้นมากระทั่งจะต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นหนังสือเรียนอีกรอบ

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่เรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกภาพให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีทางเลือกให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนกระทั่งเกินไป เช่น ถ้าวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงมากยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าหากพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ราวกับหัวใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่จำต้องแลกกับความเหนื่อย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเกิดจะพบว่าทำไม ห ม อ

บางคนถึงเขียนเพลงได้?

ทำไมบางบุคคลเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นศิลปิน?

เพราะอะไรบางคนเรียนไม่จบแต่ไปถึงเป้าหมาย?

ถ้าเกิดยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกครั้งขึ้นชื่อว่า "ความรู้" พวกเราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่?" แล้วก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และมีหลายมิติ ใช่ว่าจะต้องมองดูเพียงแต่ด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/
คำค้นหา : ข้อคิดชีวิต