• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - damonshoppu

#166


เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พร้อมช่วยผู้ป่วย ผู้สูงอายุที่ทำให้เคลื่อนย้ายตนเองให้มากขึ้น ไม่อาจมองข้าม "รถเข็นผู้ป่วย" ไปได้ โดยที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายประเภทอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงความจำเป็นในการเลือกใช้งาน และความแตกต่างของประเภทรถที่มีให้ จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

ความจำเป็นในการใช้งานรถเข็นผู้ป่วย ที่ควรต้องศึกษา

สำหรับรถเข็นช่วยผู้ช่วย หรือ "วีลแชร์" เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมาะกับผู้พิการ ผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุที่ไม่อาจเดินได้เองตามปกติ โดยที่มีส่วนช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกาย เคลื่อนที่ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนมีความต้องการในการใช้งาน ความจำเป็นที่ต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าผู้ป่วยจะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนมากน้อยแค่ไหน เข่น ผู้ป่วยที่กระดูกหักก็จะใช้เวลาสั้น ๆ จนกว่าจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม หรือผู้ป่วยที่พิการ เป็นอัมพาต ที่อาจใช้ไปตลอดชีวิต ที่โดยทั่วไปจะเหมาะกับผู้ที่มีสภาวะ

- ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท หรือได้รับบาดเจ็บบริเวณไขสันหลัง
- เป็นอัมพฤกษ์ - อัมพาต
- ผู้ที่ไม่สามารถเดินหรือทรงตัวเองได้
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวข้องกับกระดูก และกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บของเท้า หรือขา อย่าง กระดูกหัก
- การเดินในระยะไกล หรือไม่สามารถเดินด้วยตนเองได้นาน ๆ

ประเภทของรถเข็นช่วยผู้ป่วยที่มีให้เราได้เลือก

โดยทั่วไปแล้วประเภทของรถเข็นช่วยผู้ป่วยนั้นมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ ๆ โดยที่สามารถเลือกซื้อใช้ได้กันตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น

1. แบบใช้แรงคนขับเคลื่อน

ที่จะมีการเคลื่อนที่ด้วยผู้ใช้งานโดยที่จะใช้แขน หรือมือหมุนที่ล้อ ที่แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบล้อเล็กที่ผู้ใช้งานไม่มีกำลังแขนเข็นมากพอที่จะหมุนล้อได้ เหมาะกับคนที่มีผู้ดูแลช่วยเหลือ และมีน้ำหนักเบา ทำให้เข็นได้คล่องตัวสุด และอีกประเภทคือแบบล้อใหญ่ที่เหมาะกับผู้เคลื่อนที่ด้วยตนเองได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีกำลังแขนมากพอที่จะหมุนตัวเองไปได้

2. แบบใช้เครื่องกลขับเคลื่อน

ต่อมาก็คือรถเข็นไฟฟ้าที่จะใช้เครื่องยนต์และแบตเตอรี่ในการทำงาน โดยที่เหมาะกับผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุทุกคนเลย เพราะสามารถเคลื่อนย้ายได้เองด้วยแผงควบคุมที่ใช้ได้ทั้งผู้มีกำลังแขน และไม่มี แถมยังสามารถใช้เข็นเองอัตโนมัติได้ไปอีก เพิ่มความสะดวกสบายได้มากกว่ารถเข็นอื่น

เมื่อได้เข้าใจถึงการใช้งานรถเข็นผู้ป่วยที่เหมาะกับทั้งผู้ป่วย ผู้พิการ และผู้สูงอายุแบบนี้แล้ว รวมถึงประเภทรถที่มีให้เราเลือกสรร ก็หวังว่าการเลือกซื้อใช้งานจะตอบโจทย์มากขึ้น โดยปัจจุบันมีให้คุณเลือกหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่นมาก แนะนำว่าให้ดูที่ฟังก์ชันที่มีความเหมาะสมสไตล์เรา และราคาที่สบายกระเป๋าเรา รับรองว่าช่วยเหลือได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ
#167
นอกจากจะได้เรื่องความคุ้มค่า แล้วราคาที่ดีก็เป็นเหตุผลสำคัญ ซึ่งวันนี้เรามีร้านที่แนะนำมาบอกกล่าว ร้านที่จำหน่าย พอต พอตใช้แล้วทิ้ง คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า อะตอมแท้ อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า รางชาร์จบุหรี่ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย ชื่อร้าน เวฟแบน ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า กรุงเทพ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้บริการมาอย่างยาวนาน สนใจสอบถามได้ที่ vape-th.com

จุดเด่นของร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า Vape-th ออนไลน์ ที่ราคาดีที่สุด

- ของแท้แน่นอน 100%
- ตอบตรงตามความจริง ไม่มีมั่วแน่นอน
- สงสัยเรื่องคอยล์ ส่งรูปมาก็พอเราจัดให้
- โปรโมชั่น พร้อมราคาพิเศษ
- รับประกันสินค้า ใช้ไม่ได้เคลมลูกเดียว

บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร



บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์สูบบุหรี่ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้กลไกไฟฟ้าทำให้เกิดความร้อนและไอน้ำที่ประกอบไปด้วยสารเคมีต่าง ๆ โดยไม่มีควันจากกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ปกติทั่วไป ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่  ตัวทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และน้ำยา ถ้ากล่าวถึงเฉพาะส่วนของน้ำยาที่จะถูกทำให้เป็นไอและเข้าสู่ร่างกายของผู้สูบจะประกอบด้วยสารประกอบหลัก ๆ คือ

- นิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่พบได้ในทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ปกติทั่วไป เป็นสารที่ทำให้ร่างกายเสพติดการสูบบุหรี่
- โพรไพลีนไกลคอล เป็นส่วนประกอบในสารสำหรับการทำให้เกิดไอ
- กลีเซอรีน เป็นสารเพิ่มความชื้นที่จะผสมผสานกับสารโพรไพลีนไกลคอล  องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหารและยา แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่นเดียวกันกับโพรไพลีนไกลคอล
- สารแต่งกลิ่นและรส เป็นสารเคมีที่ใช้กับอาหารทั่ว ๆ ไป ซึ่งมีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย

บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาอย่างไร มาหาคำตอบกัน

ความจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีกลไกการทำงานที่ไม่มีกระบวนการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา ทำให้ผู้สูบลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารที่เป็นอันตรายจากการเผาไหม้บางตัวเช่นน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

บุหรี่ไฟฟ้าดีกว่าบุหรี่ธรรมดาจริง ในแง่ของความอันตราย ทั้งนี้สำหรับผู้ที่อยากเลิกบุหรี่ให้ได้ การเลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจเป็นทางแก้ไข ถ้าหากถามว่าหนทางใดดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คำตอบคือ หยุดบุหรี่ธรรมดา แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรง คือทางเลือกที่ดีที่สุด

พูดง่ายง่ายๆ ก็คือมันดีกว่าบุหรี่ธรรมดา เพราะนอกจากจะให้ฟิวลิ่งที่ดีแล้ว ยังมีอันตรายน้อยกว่าด้วย



11 ประเทศที่ซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างอิสระ ถูกกฎหมาย

1.    สวิตเซอร์แลนด์ สามารถขายและจำหน่ายได้โดยไม่ผิดกฎหมาย 
2.    รัสเซีย บุหรี่ไฟฟ้าไม่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบในรัสเซีย จึงไม่ถูกควบคุม
3.    โรมาเนีย สามารถใช้ และขาย บุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมาย แต่นับจากปี 2016  สารเหลวนิโคตินที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าต้องเสียภาษีสรรพสามิต
4.    โปรตุเกส มีการจำกัดการขายบุหรี่ไฟฟ้าที่บรรจุสารเหลวนิโคติน
5.    โปแลนด์ การขายบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย
6.    นอร์เวย์ การขายและใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นถูกกฎหมาย ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุสารเหลวนิโคตินสามารถนำเข้าได้จากประเทศสมาชิก EEA  (เช่นสหราชอาณาจักร) เพื่อการใช้ส่วนตัวเท่านั้น และนอร์เวย์ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้า
7.    เนเธอร์แลนด์ การขายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีหรือไม่มีสารเหลวนิโคตินนั้นถูกกฎหมาย 
8.    ไอร์แลนด์ ไม่มีกฎหมายควบคุม
9.    ฮังการี การขายบุหรี่ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุสารเหลวนิโคตินนั้นถูกฎหมายภายใต้จำนวนไม่เกิน 10 มล. และต้องขายในร้านที่มีใบอนุญาตจากทางการเท่านั้น
10.    ฟิลิปปินส์ ไม่มีกฎหมายควบคุม
11.    เกาหลีใต้ ขายและใช้ได้ถือว่าถูกกฎหมาย แต่ต้องเสียภาษีจำนวนมาก



ไม่ว่าที่ไหน ก็พกพาไปได้ทุกที่ สมาร์ทสุดๆ เท่ไม่เหมือนใคร กับบุหรี่ไฟฟ้า

สินค้าแนะนำ

VOLTBAR 6000 PUFFS POD
พอตใช้แล้วทิ้ง VOLTBAR 6000 PUFF เป็น พอตใช้แล้วทิ้ง จากค่าย VOLTBAR ราคา สุดคุ้ม ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ภายในตัว 1300mAh แถมอัดแน่นน้ำยามากถึง 15ml และสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ ด้วยสายชาร์จ USB Type-C Fast Charging

VOOPOO ARGUS P1 POD
VOOPOO ARGUS P1 POD พอตบุหรี่ไฟฟ้า จากค่ายดัง Voopoo ที่ออกแบบมาเพื่อสูบแบบออโต้ ที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย กำลังไฟ 20w แบตเตอรี่ภายในตัวขนาด 800mAh สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

SPACE HUSKY 6000 PUFFS
SPACE HUSKY 6000 PUFFS เป็น พอตใช้แล้วทิ้ง ที่มีขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาได้สะดวก โดยตัวเครื่อง SPACE HUSKY 6000 PUFF จะสามารถสูบได้มากถึง 6000 คำเลย

JUES 5000 PUFFS POD
JUES 5000 PUFFS POD เป็น บุหรี่ไฟฟ้า แบบ พอตใช้แล้วทิ้ง จากทางค่าย JUES ที่มีการออกแบบมาให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาได้สะดวก ใช้งานได้ง่ายมากๆ โดยจะสามารถสูบแบบ ออโต้



พอตบุหรี่ไฟฟ้า กับ พอตใช้แล้วทิ้ง ใช้แบบไหนดี

สำหรับมือใหม่ทาง vapeth เราแนะนำ พอตใช้แล้วทิ้ง ซึ่งจะทำให้การสูบเป็นเรื่องที่ง่ายมากกว่ามาก ไม่ต้องศึกษา หรือเรียนรู้ก็สามารถที่จะสูบได้ หมดก็ทิ้งได้ ไม่ต้องดูแลรักษา

ในส่วนของพอตบุหรี่ไฟฟ้าแบบอื่นๆ นั้นเราต้องมีความรู้พอสมควร รวมถึงวิธีการเก็บรักษาให้ใช้งานได้เป็นระยะเวลาที่นาน รวมถึงการเลือก และวิธีใช้งานที่ถูกต้อง เพราะการใช้งานที่ถูกต้องจะเป็นการยืดอายุการใช้งานให้กับบุหรี่ไฟฟ้า พอตมาแรงของเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากสถิติพบว่า สามารถใช้งานได้เกินกว่า 2 ปี ขึ้นไป ซึ่งคุ้มค่ากับการซื้ออย่างมาก โดยหากต้องการหาซื้อพอตบุหรี่ไฟฟ้า เราแนะนำร้าที่มีบุหรี่ไฟฟ้าให้เลือกมากมาย หลากหลาย ส่งสินค้ารวดเร็ว ทันใจ มีปัญหาเปลี่ยนใหม่ให้ทันที
 
#168


เมื่อถึงเวลาที่ต้องซ่อมแซมบ้านทาสีใหม่แน่นอนว่าก็จำต้องใช้งานสีรองพื้นเพื่อให้การทาสีติดง่ายติดนานมากขึ้น กระนั้นบางคนอาจจะยังไม่มั่นใจ ลังเลเกี่ยวกับบ้านว่าแบบไหน ลักษณะไหนถึงเรียกว่ามีปัญหา เรื่องนี้เราไม่อยากให้คุณต้องเป็นกังวล รวบรวมวิธีสังเกตมาให้ลองนำไปใช้อย่างละเอียด ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่า

สังเกตบ้านมีปัญหาต้องใช้สีรองพื้นไม่ใช่เรื่องยาก

สำหรับการสังเกตบ้านตัวเองว่ามีปัญหาหรือไม่นั้นจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเลย แต่สิ่งที่ยากคือการมาวิเคราะห์ดูว่าสีมีปัญหานั้นเกิดจากอะไร มาจากการพอง หลุดล่อน หรือเป็นคราบ การทาสีทับผนังปูนเกิดได้ 2 สาเหตุ คือการเสื่อมสภาพของสีเอง และความชื้นทำให้หลุดล่อน

1. สีเกิดการเสื่อมสภาพเอง

อย่างแรกก็คือสีมีการเสื่อมสภาพเองโดยที่การทาสีบ้านแต่ละประเภทมีอายุการใช้งานที่ต่างกัน ส่วนมากก็จะเลือกทาไว้หลายปีและก็จะคงอยู่ตามคุณภาพของสี และความสามารถในการทาสีครั้งแรก ซึ่งหากทาสีถูกวิธีก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น แต่ถ้าสีบ้านเกิดการเสื่อมสภาพไม่ได้มาจากการหลุดล่อนเพราะความชื้น การซ่อมแซมไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่คุณขูดสีในส่วนที่เป็นปัญหาออกไปได้เลย โดยที่จะใช้สีรองพื้นปูนเก่าแล้วก็ลงทาสีใหม่ทับหน้าได้เลยเป็นอันเสร็จ

2. ความชื้นทำให้หลุดล่อน

อีกสาเหตุในการสังเกตบ้านมีปัญหาก็คือผนังบ้านนั้นมีความชื้นสะสมมานานและเกิดเป็นผนังที่หลุดล่อน โดยเฉพาะภายในบ้าน หรือสีมีการพองตัวซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย เพราะการหลุดของสีภายในบ้านจากความชื้นจะมีจุดรั่วซึมของน้ำมาด้วย ทำให้สีทาไปแล้วหลุดออกไวมาก เมื่อเราสังเกตเห็นแล้วจำเป็นต้องให้ผู้ชำนาญออกมาวิเคราะห์ เพราะถ้ายังเกิดการรั่วซึมอยู่สีที่จะใช้ทาก็หลุดออกมาได้อยู่ดี แน่นอนว่าต้องจัดการจุดที่ทำให้เกิดปัญหารั่วซึมก่อนแล้วจึงทาสีใหม่

อย่างไรก็ตาม การใช้สีรองพื้นนั้นไม่ได้มีแค่สีปูนเก่า แต่ยังมีนวัตกรรมที่เรียกว่าสีรองพื้นปูนใหม่อยู่ด้วย โดยที่จะใช้ในลักษณะงานที่แตกต่างกันออกไป เลือกให้ถูกก็จะช่วยให้บ้านสีสวยงาม ยืดอายุการใช้งานได้ดี

สำหรับการซ่อมแซมบ้านหากทำได้ด้วยตัวเองคุณก็สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มต้นจากการลอกสีให้เรียบร้อย แล้วทำความสะอาดผนังด้วยการกวาดเศษผง และใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดให้สะอาดปล่อยให้แห้ง จากนั้นก็จัดการอุดรอยรั่วซึมต่าง ๆ ให้หมด ทำการทาสีรองพื้นของปูนเก่าได้เลย แล้วปล่อยให้แห้งอีกครั้งก่อนลงสีบ้านใหม่เป็นอันเสร็จ
#169


เมื่อต้องการเชื่อมคอนกรีตเก่า + ใหม่ด้วยกัน เสริมแรงยึดเกาะได้ดีสิ่งจำเป็นต้องใช้กันอย่างที่สุดไม่อาจมองข้ามน้ำยาประสานคอนกรีตที่ปัจจุบันให้เลือกมากมายนี้ไปได้ ทว่าสิ่งที่สำคัญที่ต้องทำความเข้าใจโดยเฉพาะมือใหม่ก็คือการเตรียมน้ำยาให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อนำไปปรับใช้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนการเตรียมน้ำยาประสานคอนกรีตให้พร้อมกับงาน

ในการใช้งานน้ำยาประเภทนี้นั้นคุณจำเป็นต้องเริ่มต้นจากการเตรียมความพร้อมพื้นผิวผนังให้ดีที่สุด อย่างถ้าเป็นคอนกรีตปูนเก่าก็มักจะมีเศษผง เศษฝุ่น คราบมันสิ่งสกปรกต่าง ๆ ส่งผลให้การลงคอนกรีตใหม่ไม่ได้ประสิทธิภาพยึดเกาะเท่าที่ควร ดังนั้น ควรทำความสะอาดพื้นผิวทั้งหมดเสมอ อาจจะใช้ฟองน้ำ หรือผ้าเช็ดให้ดี หากมีเชื้อราแนะนำให้กำจัดออกให้หมดก่อน ซึ่งขั้นตอนการเตรียมน้ำยานี้นั้นแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะการใช้งาน คือ

1. เตรียมน้ำยางานฉาบซ่อม ปรับแต่งผิว งานกันซึม

สำหรับการเตรียมน้ำช่วยประสานในงานคอนกรีตก็จะมีอัตราส่วนที่ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ด้วย เช่น 1.2 ลิตร ต่อน้ำเปล่า 1.2 ลิตร ปูน 6 กก. และทรายอีก 12 กก. ส่วนน้ำยากันซึมก็จะใช้น้ำยาประสานกับปูนที่มีคุณสมบัติชัดเจน อย่าง 0.80 ลิตร ต่อน้ำ 1.60 ลิตร ปูน 6 กก. และทรายอีก 12 กก. เป็นส่วนผสมที่เหมาะกับงานพื้น 1 ตารางเมตร ความหนา 10 มม.

2. งานประสานกับคอนกรีตเก่า + คอนกรีตใหม่

ที่จะเป็นอัตราส่วนของซีเมนต์ที่เป็นทั้งของเก่าให้เข้ากับของใหม่ เป็นการซ่อมแซมผนังให้ออกมาเหมือนใหม่ รวมถึงการติดงานกระเบื้อง ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์อีกเช่นกัน เช่น อัตราการส่วน 0.22 ลิตร ต่อน้ำเปล่า 0.22 ลิตร ปูน 1 กก. และทรายอีก 1 กก. โดยเป็นส่วนผสมที่เหมาะกับงานพื้น 1 ตารางเมตร ความหนา 10 มม.

อย่างไรก็ดีการทาน้ำยาประเภทนี้จะต้องเริ่มจากการพรมน้ำที่ผนังแต่ไม่ต้องมากเกิน แล้วห้ามให้มีน้ำขังอยู่ด้วย เสร็จแล้วนำส่วนผสมที่มีเตรียมไว้นั้นทาลงไปได้เลย ใช้อุปกรณ์ทาสีอย่างลูกกลิ้ง หรือแรงมาทาทับที่ผนังปูนเก่าทันที แล้วฉาบด้วยมอร์ตาร์ใหม่ ตกแต่งฉาบให้มีความเรียบเนียนมากที่สุด สร้างความสวยงาม และปล่อยให้ผนังปูนเซตอย่างน้อย 7 วัน เมื่อครบกำหนดก็ตรวจสอบพื้นผิวดูว่ามีส่วนไหน จุดใดที่ไม่เรียบเนียน มีหลุดร้อนก็แก้ไขได้เลยทันที อาจจะฉากตกแต่งผิวอีกครั้ง หรือฉาบเก็บงานให้เรียบเพิ่มเติมใด้วยก็ได้ เมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ปิดงานได้ทันที

เมื่อเราเลือกใช้น้ำยาประสานคอนกรีตที่มีคุณภาพ เป็นยี่ห้อเป็นรุ่นที่ได้มาตรฐานก็จะส่งผลให้งานออกมาดี มีการเพิ่มแรงยึดเกาะได้ดี ช่วยป้องกันผนังต่อสภาวะอากาศต่าง ๆ เพิ่มความแข็งแรงทนทาน ลดการแตกร้าว และป้องกันการรั่วซึมได้ดี การันตีได้งานมีประสิทธิภาพตามไปด้วย
#170


ในการใช้งานพื้นลามิเนตนั้นต้องยอมรับว่าปัจจุบันหลาย ๆ คนนิยมใช้มาก และหากคุณก็เป็นอีกคนที่สนใจด้วยเช่นกันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำความเข้าใจถึงการติดตั้งและข้อควรวังอย่างละเอียด ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อย จะเป็นยังไงบ้างนั้นไปติดตามกันเลย

แนะนำการติดตั้งพื้นลามิเนตที่ถูกวิธีอย่างละเอียด

สำหรับพื้นประเภทลามิเนตนี้นั้นมีการติดตั้งที่ไม่ได้ยุ่งยากวุ่นวายอะไรเลย โดยที่คุณสามารถนำมาติดตั้งที่พื้นซีเมนต์ หรือแผ่นพื้นซีเมนต์บอร์ดได้เลย โดยที่พื้นจพต้องเรียบได้ระดับ พร้อมติดตั้งทับกระเบื้องเซรามิค กระเบื้องยางได้ตามต้องการ (แต่ตัวกระเบื้องจะต้องติดกับพื้นเดิมสมบูรณ์ มีความแน่นหนาไม่หลุดล่อน หรือแตกหัก) โดยการติดตั้งก็จะต้องรองแผ่นโฟม PE เป็นการป้องกันความชื้น พร้อมปรับระดับพื้นไปด้วยในตัว พื้นไม้ชนิดนี้ก็จะตีเข้าลิ้นหรือล็อคกันได้ ทำให้การติดตั้งง่ายและรวดเร็วเมื่อติดตั้งเสร็จสามารถใช้งานได้แบบที่ยังไม่ต้องขัดเปิดหน้า

โดยที่การติดตั้งควรเส้นระยะร่องจากออกจากวัสดุ ผนัง หรือเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ติดกัน 1 ซม. เผื่อพื้นไม้มีการยืดหดขยายตัวเอง ทั้งนี้ต้องมีอุปกรณ์ประกอบอื่นเพื่อเก็บความเรียบร้อยเพิ่มเติมด้วย เช่น ตัวจบเก็บขอบต่าง ๆ อย่าง ตัวจบขอบประตู ขอบหน้าต่าง จมูกบันได บัวเชิงผนัง ที่ตัวจบเหล่านี้อาจจะนูนขึ้นจากพื้นเล็กน้อย แนะนำเลือกสีในโทนใกล้เคียงกับพื้นไม้ของเรามากที่สุด

สิ่งที่ต้องระวังเมื่อคิดจะใช้งานพื้นไม้ลามิเนต

- ไม่ทนต่อความชื้น : ที่หากมีความเปียกชื้นก็จะส่งผลต่อพื้นประเภทนี้โดยตรง อาจทำให้บวมแล้วดันกับพื้นเกิดความเสียหายได้ หรือเดินไปแล้วยวบยาบ รวมถึงชั้นเคลือบผิวและชั้นปิดผิวมีโอกาสหลุดล่อนออกมาหมดกลายเป็นไม่สวยงามไปได้
- ไม่ถูกกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ : ที่หากเฟอร์นิเจอร์นั้นขยับเขยื้อนบ่อย แม้จะเคลือบผิวอย่างดีก็ตาม เช่น ขาเก้าอี้ที่แหลมคมทำรอยที่พื้นได้ง่าย ขอบมุมเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
- ไม่ถูกกับปลวก : แม้จะเป็นไม้ที่ถือว่ามาใช้ทดแทนไม้แต่เนื้อของพื้นประเภทนี้ยังเป็นไม้อยู่ และก็เป็นที่ชื่นชอบของปลวกมาก ๆ ต่อให้เคลือบสารปกป้องใดแล้วก็ตาม คุณจำเป็นต้องตรวจสอบและป้องกันให้ดี

เมื่อรู้ทั้งการติดตั้งและข้อควรระวังในการใช้งานพื้นลามิเนตอย่างละเอียดแล้วนั้น เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถดำเนินการติดตั้งพร้อมดูแลได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ ไม่ทำพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสียหาย มีการดูแลป้องกันอย่างดี ปัจจุบันมีให้เลือกหลายโทนสี หลายลวดลายมาก ยังไงก็ลองพิจารณาเปรียบเทียบตามความเหมาะสม ตามสไตล์บ้านก่อนได้
#171


สำหรับใครที่อยากจะซื้อน้ำยาทำความสะอาดมาใช้ให้เหมาะสมกับการถูพื้นที่บ้านแต่ก็ยังสงสัย ไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้เสียที เราไม่รอช้าที่จะรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้ศึกษา การันตีว่าจะช่วยให้การเลือกใช้งานเหมาะสมอย่างที่สุด แต่จะเป็นลักษณะไหนไปติดตามกันได้เลย

เลือกน้ำยาทำความสะอาดให้เหมาะสมกับพื้นใช้งานราบรื่น

1. ใช้น้ำยากับพื้นไม้

การทำความสะอาดพื้นไม้ สามารถใช้น้ำชาดำ หรือแอลกอฮอล์เช็ดลบรอยขีดข่วน กระนั้นพื้นไม้เสียหาย และผุพังได้ง่ายหากมีความชื้นมากดังนั้นจึงต้องระวังให้ดีเพราะไม่สามารถทนต่อน้ำปริมาณมาก ๆ ได้ แนะนำให้ง่ายที่สุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการถูกพื้นไม้โดยเฉพาะที่ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อผลิตกันดีกว่า

2. ใช้น้ำยากับพื้นลามิเนต

สำหรับวิธีการทำความสะอาดพื้นลามิเนตนั้นควรใช้น้ำยาถูพื้นเพื่อถูโดยเฉพาะไปเลย ด้วยส่วนผสมต่าง ๆ พร้อมช่วยปกป้องพื้นเต็มที่ แต่หากไม่มีจริง ๆ ก็ให้เอาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดส่วนที่ต้องการทำความสะอาดได้เลย

3. ใช้น้ำยากับพื้นหินอ่อน

สำหรับพื้นหินอ่อนนั้นมีความทนทานสูง ไม่รั่ว ไม่แตก รอยขีดข่วนเกิดได้ยาก แต่เมื่อเกิดคราบหนาต้องการการทำความสะอาดก็ควรใช้น้ำยาที่เหมาะกับการกำจัดคราบหินอ่อน ทำความสะอาดพื้นโดยเฉพาะ เพราะน้ำยานี้จะช่วยจัดการได้ดี ไม่เกิดคราบและรอยขีดข่วนได้ ไม่ทำให้ผิวพื้นหินอ่อนเกิดปัญหาด้วย คงความเงางามได้ดี

4. ใช้น้ำยากับพื้นกระเบื้อง

สำหรับพื้นกระเบื้องนั้นแนะนำให้ใช้น้ำยาที่สามารถกำจัดคราบทั่วไปได้เลย แต่ต้องไม่ออกฤทธิ์รุนแรงมาก เพราะมีพื้นที่เรียบและมันวาวเล็กน้อย กรณีที่พื้นผิวบนกระเบื้อง หรือร่องของกระเบื้องที่ยาแนวไว้มีคราบต้องการทำความสะอาดสุด ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ลอกแว็กซ์ที่พื้นช่วยได้ การันตีมีพื้นที่สะอาดเหมือนใหม่ใช้งานกันสบายใจสบายเท้า

น้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดถูพื้นนั้นไม่ได้มีความอันตรายเท่าน้ำยาล้างห้องน้ำที่มักจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่ต้องระมัดระวังมากกว่าโดยเฉพาะขณะใช้งาน แต่ก็ไม่ควรละเลยไปได้ หากใช้ชนิดที่มีสารเคมอาจต้องถูตามด้วยน้ำเปล่า หรือบ้านไหนมีเด็กเล็กควรให้อยู่ในคอกกั้นเด็กลดปัญหาสัมผัสสารตกค้างที่ส่งผลต่อร่างกายดีที่สุด

น้ำยาทำความสะอาดปัจจุบันมีให้เราเลือกหลากหลายยี่ห้อมาก กระนั้นเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วควรปิดฝาให้สนิททุกครั้งด้วย พร้อมเก็บให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง ไม่ให้อยู่ใกล้เปลวไฟ ความร้อน และเมื่อมีปัญหาเข้าตาต้องล้างด้วยน้ำสะอาดจนกว่าอาการระคายเคืองจะทุเลาลง หากไม่ทุเลาให้รีบพบแพทย์ทันที ส่วนหากกลืนกินห้ามทำให้อาเจียน ต้องดื่มน้ำหรือนมมาก ๆ ให้น้ำยาเจือจาง แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมฉลากและภาชนะบรรจุ
#172


เมื่อพูดถึงถุงมือยางแล้วนั้นต้องยอมรับว่ามีให้เลือกซื้อหลากหลายมาก และหากจะให้ได้คุณภาพที่สุดแล้วก่อนที่จะซื้อใช้งานจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ เพราะเมื่อพิจารณาได้อย่างดีก็จะส่งผลต่อการใช้งานที่ราบรื่น ยืดอายุการใช้งาน แต่จะมีอะไรต้องพิจารณาคำนึงถึงบ้างนั้นไปติดตามกันได้

สิ่งที่ต้องพิจารณาคำนึงถึงเมื่อจะซื้อใช้งานถุงมือยาง

ต้องยอมรับว่าเมื่อพูดถึงถุงมือนั้นมีให้คุณได้เลือกหลากหลาย เช่น ถุงมือ PVC ก็ดี หรือถุงมือพลาสติกก็ดี รวมถึงถุงมือแบบยางที่เรากำลังพูดถึงก็มีความนิยมใช้งานไม่แพ้กัน และเมื่อถามถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาคำนึงถึงก่อนซื้อแล้วนั้นมีด้วยกันคือ

1. ความหนาและบางของถุงมือ

อย่างแรกก็ต้องดูเรื่องความหนาหรือบาง เพราะถ้าหนาก็จะมีความทนทานแต่ก็จะหยิบจับ หรือให้การสัมผัสที่ไม่ดี จึงเหมาะกับงานหนัก มีคม หรือหยิบวัตถุที่ขนาดใหญ่ หากเป็นถุงมือบางก็จะให้สัมผัสดีมากขึ้น เหมาะกับงานที่ต้องการความละเอียดสูง

2. พิจารณาจากงานที่ต้องใช้

พิจารณาจากความเสี่ยงอันตราย และความจำเป็นในการใช้งาน เช่น ถุงมือใช้ทำอาหารควรเลือกแบบไม่มีแป้ง ป้องกันไม่ให้ถุงแป้งหลุดลงอาหาร หรืองานที่ต้องเสี่ยงกับของมีคมตามที่กล่าวใช้แบบหนาช่วยได้ดี หรือหากต้องใช้กับงานที่มีสารเคมีก็ควรป้องกันสารเคมีนั้น ๆ ได้

3. อย่าลืมดูมาตรฐานของถุงมือ

สำหรับถุงมือแบบนี้นั้นควรมีคุณภาพเป็นมาตรฐานสุด ๆ มีการระบุเครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรมไว้ที่บรรจุภัณฑ์ หรือสินค้า เช่น ตราสินค้า ผู้ผลิต เครื่องหมายรับรองคุณภาพ วันที่ผลิต/หมดอายุ AQL เป็นต้น สร้างความมั่นใจว่าสินค้าดีมีคุณภาพ ไม่ถูกผู้ขายหลอกลวง

4. ส่วนประกอบและลักษณะโครงสร้างของถุงมือ

โดยทั่วไปถุงมือรูปแบบยางจะมีให้เราเลือกหลากหลายมาก ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีส่วนประกอบและโครงสร้างที่ต่างกัน เช่น

- ถุงมือแบบมีแป้ง : สวมใส่ง่าย เหงื่อออกก็ยังใช้งานได้ดีเพราะแป้งที่มีจะคอยดูดซับความชื้นและเหงื่อ
- ถุงมือแบบไม่มีแป้ง : จะมีความแข็งแรงทนทาน มีความเหนียว สะอาดมากกว่า ผ่านการล้างคลอรีนที่ความเข้มข้นสูง มั่นใจในความสะอาดได้ 100%
- ถุงมือแบบไม่มีซับใน : ง่ายต่อการใช้งาน น้ำหนักเบา เหมาะกับการทำความสะอาด หรือระบายอากาศ ระบายความชื้นได้ดี
- ถุงมือแบบมีซับ : ที่จะเป็นผ้าสามารถซับเหงื่อได้ ไม่รู้สึกฝืดมือ เหมาะกับการใส่ทำงานตลอดวัน

ทั้งนี้ เมื่อรู้จักการเลือกถุงมือยางใช้งานอย่างดีแล้วอย่าลืมศึกษาวิธีการเก็บรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานด้วย แนะนำให้เก็บในพื้นที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก เลี่ยงความชื้น แสงแดด หรือความร้อนจัด หากไม่ใช้ก็ยังไม่ต้องแกะออกจากบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปนเปื้อน
#173


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้เครื่องฉีดน้ำเพื่อนำมาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่รู้จะเลือกยี่ห้อไหนดี เราไม่รอช้าที่จะมาแนะนำได้รู้จักกับยี่ห้อ PUMPKIN MALDIVES 100 บาร์ 1,200 วัตต์ ซึ่งหากใครอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมเราก็มีบอกต่ออย่างละเอียด

PUMPKIN MALDIVES 100 บาร์ 1,200 วัตต์ เครื่องฉีดน้ำที่ดีที่สุด

สำหรับ PUMPKIN MALDIVES ที่มีแรงดันสูง 100 บาร์ กำลังไฟ 1,200 วัตต์ ในราคา 3,054 บาท ราคาเฉพาะออนไลน์เหลือ 2,290 บาท ที่มีอัตราการไหลของน้ำสูงสุด 330 ลิตร / ชั่วโมง โดยจะเหมาะกับการนำมาใช้ในงานอุตสาหกรรมหนัก เกษตรกรรม งานทำความสะอาด กำลังไฟฟ้าสูงที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งาน มีชุดปืนแบบครบชุด พร้อมถังใส่น้ำยาที่ใช้งานได้ทันที เป็นอีกเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงไร้สายที่น่าสนใจด้วยตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด มีมือจับที่ใหญ่ทำให้จับมือหิ้วเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนสะดวกสบาย

- มีระบบ Auto Suction ที่ช่วยดูดน้ำจากถังมาใช้ในการทำงานทำให้ใช้ง่ายมากขึ้น
- มีระบบ Auto Stop System ที่เมื่อปล่อยไกปืนก็จะหยุดการทำงานทันที
- เครื่องฉีดที่มีแรงดันสูง มอเตอร์เหนี่ยวนำ กำลังไฟฟ้าสูง 1,200 วัตต์
- มีการรับประกันสินค้า 1 ปีเต็ม (เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทกำหนด)
- อุปกรณ์ใช้งานได้อย่างครบครัน ทำให้คุณสามารถใช้งานได้ในทันที

การใช้งานและข้อควรระวังผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจมองข้าม

ในส่วนของการใช้งานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงเหมาะกับการนำมาใช้รดน้ำต้นไม้ ล้างรถ งานเกษตร งานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้ดี โดยที่ควรใช้น้ำสะอาดทำความสะอาดเท่านั้น พร้อมต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เมื่อใช้เสร็จก็จัดเก็บให้เรียบร้อย ส่วนข้อควรระวัง

- ห้ามใช้สารเคมีที่ออกฤทธิ์เป็นกรด ด่าง ทำความสะอาด
- ห้ามดัดแปลง แก้ไขสินค้า หรือนำไปใช้งานแบบผิดประเภท
- ห้ามจัดเก็บใกล้กับเปลวไฟ หรือความร้อน แต่ควรจัดเก็บให้ที่แห้ง และพ้นมือเด็ก
- ห้ามนำไปใช้กับอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ห้ามดัดแปลง แก้สินค้า หรือใช้งานผิดประเภท
- ระมัดระวังในการใช้งานพื้นที่ลาดเอียง และคราบไขต่าง ๆ

นอกจากนี้ การทำความสะอาดเครื่องดูแลรักษายืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้นสำหรับเครื่องฉีดน้ำยี่ห้อ PUMPKIN MALDIVES 100 บาร์ 1,200 วัตต์ก็เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจด้วยเช่นกัน ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งที่เลิกใช้ และหากพบว่าเครื่องชำรุดเสียหายไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องส่งให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยปรับปรุงแก้ไขให้ทันที อย่าฝืนเอามาใช้ต่อเด็ดขาด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเสี่ยงถึงชีวิตได้ หวังว่าต่อจากนี้การใช้งานฉีดน้ำของทุก ๆ คนจะผ่านไปได้ราบรื่น กล้าซื้อผลิตภัณฑ์ดี ๆ ใช้งานกันแล้ว
#174


หากคุณเป็นอีกคนที่มีลำโพงแบบบลูทูธจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาการดูแลรักษาให้เหมาะสม ซึ่งจะเป็นการดูแลรอบด้าน เพื่อเป็นการยืดอายุให้สามารถใช้งานได้มากขึ้น กระนั้นจะเป็นการดูแลรักษารูปแบบไหน เราไปติดตามกันได้เลยอย่ารอช้า

การดูแลรักษารอบด้านของลำโพงแบบบลูทูธที่ต้องรู้

1. ดูแลเรื่องความร้อน

เรื่องความร้อนเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการจัดเก็บในพื้นที่ที่มีความร้อนสูง เพราะอาจทำให้วัสดุส่วนประกอบต่าง ๆ ของลำโพงเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะเป็นขอบยาง โครงสร้างที่ห่อหุ้ม วงจรไฟฟ้า การจัดเก็บต้องให้ห่างจากหน้าต่าง หรือไกลออกจากแสงแดดส่องถึง เพราะเมื่อตากแดดจะทำให้เกิดความร้อนสะสม ส่งผลต่อการไหลลื่นกระแสไฟฟ้าด้วย

2. ดูแลเรื่องฝุ่น

ฝุ่นถือเป็นศัตรูอันดับต้น ๆ ของลำโพงบลูทูธพกพาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ทำให้ดูโทรม แต่ยังสามารถเข้าไปเกาะขั้วต่อของสายเราได้ ขัดขวางการส่งเสียงไปอีก กลายเป็นเพิ่มความรบกวนของเสียง และเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นมาทำความเสียหายกับอุปกรณ์ จึงต้องจัดเก็บไว้ในห้องที่ไม่มีฝุ่น และหมั่นทำความสะอาดลำโพงเป็นประจำ เอาผ้ามาคลุมป้องกันฝุ่นด้วยก็ได้ หรือจะใช้เครื่องดูดฝุ่น ผ้าแห้งเช็ดหลังใช้งาน ไม่แนะนำให้ใช้น้ำหรือของเหลวมาทำความสะอาด

3. ดูแลเรื่องการระบายอากาศ

นอกจากเรื่องของความร้อน เรื่องของฝุ่นแล้วก็ควรต้องดูแลด้านการระบายอากาศด้วยเช่นกัน ควรวางตั้งไว้ในที่ที่อากาศไหลเวียนดี มีความปลอดโปร่งโล่ง ไม่ร้อนอบอ้าว เมื่อต้องใช้งานลำโพงหนัก ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสะสม วางไว้ในพื้นที่ที่ห่างจากผนัง กำแพง หรือสิ่งของรอบ ๆ หลายนิ้ว นอกจากยืดอายุการใช้งาน ก็ยังช่วยคุณภาพเสียงให้ดีมากขึ้นด้วย ไม่ทำให้ผิดเพี้ยนอันมาจากสิ่งกีดขวาง

4. ดูแลเรื่องไฟฟ้าสถิต

สุดท้ายคือปัญหาของไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าสถิตของลำโพงบลูทูธที่เราต้องดูแล เพราะไม่อย่างนั้นอาจส่งผลต่อการทำงานที่ไม่เต็มที่ได้เลย หรืออาจจะทำให้การทำงานสั้นลงได้ง่าย ๆ การสะสมไฟฟ้าสถิตมีผลต่อเสียงที่ออกมา แนะนำว่าให้ซื้อพรมปูพื้น หรือหาพรมมาไว้วางเมื่อจะตั้งใช้งาน ด้วยความร้อนที่มีสูงในสภาพอากาศบ้านเรา รวมถึงมีความแห้งก็ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้นั่นเอง นอกจากนี้ อย่าติดตั้งหรือวางในตำแหน่งที่ติดกันมากเกินไปสำหรับใครที่ใช้มากกว่า 1 เครื่อง

หมั่นดูแลลำโพงของตัวเองไว้อย่างดี ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง คงคุณภาพเสียงที่ดีไม่มีปัญหาขัดข้อง ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ดีมากขึ้นได้ หวังว่าต่อจากนี้จะไม่มีปัญหาทำให้ต้องเสียเงินซื้อเปลี่ยนใหม่อยู่บ่อย ๆ อีกแล้ว
#175


เมื่อพูดถึงยิปซั่มแบบแผ่นแล้วนั้นก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายขนาดมาก ซึ่งแต่ละขนาดก็จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปด้วย และเพื่อให้คุณได้เข้าใจในการนำไปใช้งานมากขึ้นเราก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจมาบอกต่อ

ยิปซั่มมีหลากหลายขนาด มีการใช้งานที่ต่างกันด้วย

สำหรับแผ่นที่ว่านี้นั้นมีให้คุณเลือกหลากหลายขนาดเลยด้วย ซึ่งแต่ละขนาดก็จะเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่าง

- แผ่นขนาด 6 มม. : จะเหมาะกับการดัดโค้งเล็กตามมุมต่าง ๆ โดยจะเน้นตามจุด เช่น โค้งหรือรอยต่อที่มีของผนังภายในบ้าน
- แผ่นขนาด 9 มม. : เหมาะกับงานฝ้าเพดานเรียบที่ทนความร้อน และความชื้นได้ ทั้งยังมีขอบลาดเป็น 4 ด้านด้วย เหมาะกับการป้องกันความร้อนได้ดีมากขึ้น
- แผ่นขนาด 12 มม. : จะเหมาะกับงานที่เป็นผนังภายใน หรือฝ้าเพดานที่จะมีหลายประเภท มีทั้งทนไฟ ทนความชื้น ลดเสียงสะท้อนได้ดี กันความร้อน
- แผ่นขนาด 13 มม. : แผ่นยิปซั่มขนาด 13 มม. นี้จัดว่าได้รับความนิยมสูงมาก เพราะบางประเภทมีคุณสมบัติป้องกันรังสีเอกซเรย์ได้ คุณสมบัติทนต่อการรับแรงกระแทกที่คาดไม่ถึง มีความเหนียวทนทานสุด
- แผ่นขนาด 15 มม. : ปิดท้ายกันที่ขนาด 15 มม. ที่จะเป็นแบบระบบผนังเบา หรือมัลติวอลล์ที่แข็งแรงเทียบเท่ากับผนังถูกสร้างจากการก่ออิฐและฉาบปูน ทั้งยังมีความสามารถในการทนไฟได้ดีมีประสิทธิภาพไปอีก

ทั้งนี้ จริง ๆ ก็ยังมีในส่วนของแผ่นสมาร์ทบอร์ดอยู่ด้วยซึ่งมีความต่างจากแผ่นแบบ gypsum หากจะใช้งานก็ต้องเลือกให้ดี โดยที่แผ่น smart board จะเป็นการผลิตมาจากปูนซีเมนต์ผสมกับใยเซลลูโลสที่ไม่มีทรายซิลิกาผสมกับใยหิน แล้วก็นำไปแบบไอน้ำแรงดันสูง ทำให้ได้คุณสมบัติที่แข็งแรงทนทานมากกับทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าจะใช้ภายในภายนอกก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ทนทานต่อความร้อน ความชื้นที่มาจากแสงแดดและฝนตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยิปซั่มที่ใช้งานแบบแผ่นนี้นั้นมีคุณสมบัติที่น่าสนใจด้วยความสามารถทนทานต่อความร้อนได้ 4 – 5 ชม. มีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับ smart board แผ่น เหมาะกับการตกแต่งห้อง หรือใช้กับห้องที่ไม่อยากให้บ้านรับน้ำหนักมาก ช่วยประหยัดพลังงานเพราะทำให้บ้านเย็น ลดหลังงานภายในบ้านได้ดี พร้อมป้องกันแสงแดดที่หากล้านไหนเจอแดดส่องทั้งวันก็จะสะสางปัญหาความร้อนที่สะสมได้ เมื่อใช้ช่วยป้องกันความร้อน โดยราคาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นนั้น ๆ ด้วย ยิ่งคุณสมบัติมากก็มีราคาสูงตาม แนะนำพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ
#176


วันนี้เราอยากมาแนะนำถึงขดกันยุง – สเปรย์กันยุงและแมลงต่าง ๆ ที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายมาก ซึ่งหากได้ทำความรู้จักไว้สามารถเลือกซื้อใช้งานป้องกันได้ดีมีประสิทธิภาพ กระนั้นจะเป็นยี่ห้อไหน รุ่นไหนบ้าง อย่ามัวรอช้าเราไปติดตามคำตอบกันเลยดีกว่า

ผลิตภัณฑ์ขดกันยุง – สเปรย์กันยุงและแมลงต่าง ๆ

1. ขดกันยุง ARS PLUS

อย่างแรกแนะนำเป็นยาจุดกันยุง ยี่ห้อ ARS PLUS ขนาด 20 กรัม 10 ขด กลิ่นลาเวนเดอร์ในราคา 92 บาท ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันยุงลาย และยุงก้นปล่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ วางที่ไหนก็จัดการได้หมด ช่วยลดกลิ่นฉุนที่เกิดจากควัน และความหอมจากดอกลาเวนเดอร์ที่ไม่ทำให้รำคาญใจ โดยที่ 1 ขดใช้งานสามารถปกป้องและไล่ยุงได้นาน 7 ชม. แบบต่อเนื่อง ทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้านได้อย่างสบายใจ หมดห่วงปัญหายุงกวนใจ

2. ขดกันยุง BAYGON

มาต่อกันที่อีกขดกันยุงยี่ห้อไบกอน ที่มีขนาด 600g จำนวน 50 ขด กลิ่น LAVENDER อีกเช่นกัน ในราคา 99 บาท (ราคาพิเศษเฉพาะออนไลน์ 89.1 บาท) มีคุณสมบัติช่วยส่งกลิ่นหอมแบบลาเวนเดอร์เมื่อใช้งาน ไม่มีกลิ่นฉุนจากควัน แยกขดง่ายไม่แตกหัก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไล่ยุงได้เต็มที่มากขึ้น ใช้ได้นานต่อเนื่อง 8 ชม.

3. สเปรย์กำจัดยุงและแมลง SHIELDTOX POWER GUARD1

เปลี่ยนมาเป็นสเปรย์กำจัดแมลง และยุง SHIELDTOX POWER GUARD 1 กลิ่น LAVENDER ขนาด 600 มล. นี้กันบ้าง โดยที่มีราคา 118 บาท ที่กำจัดได้เร็วถึง 2 เท่า ออกฤทธิ์นาน 2 อาทิตย์ ฉีดง่าย ฉีดได้แรงและไกล กำจัดแมลงได้แม่นยำ ช่วยป้องกันได้ทั้งยุง แมลงสาบ มดในบ้านเรือน การออกฤทธิ์ที่ยาวต่อเนื่องไม่ต้องฉีดพ่นทุกวัน โดยที่ก่อนใช้งานควรนำคน สัตว์เลี้ยงออกบริเวณนั้น ๆ ก่อน

4. สเปรย์กำจัดยุงและแมลง CHAINDRITE

สุดท้ายคือสเปรย์กำจัดยุงและแมลงยี่ห้อ CHAINDRITE ปริมาณ 300 มล. แบบสูตรไร้กลิ่น ในราคา 75 บาท ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันได้นอกจากยุง ก็ยังมีมด แมลงสาบ และแมลงตัวเล็ก ๆ ชนิดอื่น ที่ปราศจากกลิ่นฉุนเพราะเป็นสูตรไร้กลิ่นที่ไม่มีให้กวนใจ ไม่ทำลายบรรยากาศในบ้าน พร้อมออกฤทธิ์ได้นาน 4 อาทิตย์ ช่วยให้การทำกิจกรรมที่มีผ่านไปได้ด้วยดี

อย่างไรก็ตาม สเปรย์กันยุง หรือผลิตภัณฑ์ขดกันยุงใด ๆ แล้วเมื่อใช้งานจำเป็นต้องรู้ถึงข้อควรระวังต่าง ๆ อยู่ด้วย คือห้ามสูดดมอยู่ใกล้ ๆ หรือเมื่อจับขดแล้วก็ต้องล้างมืออย่าไปหยิบจับขนม อาหารเข้าปากทันทีทันใด เก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร เลี่ยงการนำไปวางใกล้เปลวไฟ ความร้อน ห้ามทิ้งลงในแม่น้ำ หรือลำคลอง ควรแยกทิ้งลงในถังขยะที่เป็นอันตราย หรือเป็นขยะสารเคมี ป้องกันความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อร่างกาย
#177


ใครที่กำลังมองหาน้ำยาขจัดคราบ ฆ่าเชื้อ ดับกลิ่นชนิดที่ครบสูตรแบบสุด ๆ แต่ก็ยังหาไม่เจอ หรือยังไม่ถูกใจ เราอยากแนะนำให้ได้รู้จักกับ ECOLAB ไมโคร ควอท แกลลอนเดียวเอาอยู่แน่นอน ซึ่งวันนี้เราก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจมาแนะนำ เพื่อการตัดสินใจซื้อใช้งานได้ไม่ลังเล

น้ำยาขจัดคราบ ฆ่าเชื้อ ดับกลิ่น "ECOLAB ไมโคร ควอท"

สำหรับ ECOLAB ไมโคร ควอท เป็นอีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติแบบครบสูตรมาก ๆ เพราะเป็นทั้งน้ำยาขจัดคราบ ฆ่าเชื้อ ดับกลิ่นที่ใช้งานได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เหมาะกับการนำมาใช้เช็ด ล้าง ทำความสะอาด ขจัดคราบไขมันที่มี รวมถึงคราวสกปรกต่าง ๆ ที่เอาออกยากก็จัดการได้ จะนำไปใช้งานกับพื้นผิวไหนได้หมดที่ไม่สัมผัสอาหาร พร้อมฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีมีคุณภาพ ใช้ทำความสะอาดห้องเก็บขยะ หรือพื้นทั่วไปได้หมด เป็นรูปแบบแกลลอนที่สามารถนำไปใส่ขวดสเปรย์ใช้ฉีดง่ายมากขึ้นได้เลยทุกที่ทุกเวลา

สเปรย์ดับกลิ่นที่ใช้แล้วไม่ทิ้งคราบเหนียว หรือคราบฟิล์มบนพื้นผิวที่ใช้งาน
- มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยจัดการคราบไขมัน หรือคราบสกปรกที่จัดการได้ยาก
- เหมาะกับการทำความสะอาดพื้นทั่วไป หรือใช้กับห้องเก็บขยะได้หมด
- สามารถเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อที่จัดการแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดี สร้างสุขอนามัยให้กับที่พักอาศัยได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คำแนะนำด้านการใช้งาน และข้อควรระวังผลิตภัณฑ์

สำหรับการใช้งานนั้นคุณสามารถผสม "ECOLAB ไมโคร ควอท" ในปริมาณ 1.5 – 12 มล. ได้เลยกับพื้นผิวต่าง ๆ ที่ไม่ได้สัมผัสอาหาร โดยที่ต้องใช้อย่างระมัดระวังตามขั้นตอนการใช้งานที่เหมาะสม แนะนำให้สวมถุงมือและหน้ากากป้องกันขณะที่มีการใช้งาน ส่วนข้อควรระวัง

- ห้ามทิ้งภาชนะที่บรรจุผลิตภัณฑ์กลงแหล่งน้ำสาธารณะ แม่น้ำคูคลอง
- ห้ามกลืนกิน และต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก สัตว์เลี้ยง เลี่ยงการอยู่กับแสงแดดเป็นเวลานาน
- ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ควรสูดดมนาน และต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือเข้าปาก
- หากถูกผิวหนัง หรือเข้าตาต้องล้างด้วยน้ำสะอาดในปริมาณมากจนอาการระคายเคืองทุเลาลง แต่หากไม่ทุเลาให้พบแพทย์
- เมื่อมีการใช้งานผลิตภัณฑ์และใช้เสร็จสิ้นต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง
- เก็บแยกไว้เฉพาะที่ ไม่เอาไปปะปนกับสิ่งของอื่นที่ใช้ร่วมกับร่างกาย หรืออาหาร เครื่องดื่มต่าง ๆ

น้ำยาขจัดคราบ ยี่ห้อ "ECOLAB ไมโคร ควอท" มีขนาด 3,800 มล. วางขายในราคาแกลลอนละ 1,299 บาท สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดคราบ รวมถึงเป็นสเปรย์ใช้ดับกลิ่น หรือฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ตามต้องการ แต่ต้องไม่ลืมที่จะใช้อย่างถูกวิธี และเลี้ยงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเราและผู้อื่น
#178
เพชร เป็นอัญมณีมีค่าที่ใครหลายคนอยากมีไว้ครอบครอง ซึ่งการกำเนิดเพชรแต่ละเม็ดนั้นมีขบวนการกำเนิดและขบวนการผลิตที่แสนลำบาก ใช้ทรัพยากรโลกมหาศาลกว่าจะได้แต่ละเม็ด ทำให้เพชรแท้แต่ละเม็ดนั้นมีมูลค่าและราคาสูง ทำให้มีการผลิตเครื่องประดับทำจากเพชรเทียมและเพชรสังเคราะห์ซึ่งมีราคาถูกกว่าออกมาจำหน่าย  นักวิทยาศาตร์จึงได้คิดค้นเพชรชนิดใหม่เข้าสู่ท้องตลาด ตั้งแต่ปลายปี 1955 เป็นต้นมา ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราจะได้ยินชื่อทั้งแหวนเพชรแท้ เพชรเทียม เพชรสังเคราะห์ และเพชรแลป ซึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทำให้เพชรแต่ละประเภทมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก การตรวจเป็นไปได้โดยยากลำบากมากขึ้น



การพิจารณาความแตกต่างระหว่างเพชรแต่ละประเภทนั้น จำเป็นต้องความรู้พื้นฐานหรือรับรู้คุณสมบัติและลักษณะเฉพาะทางกายภาพของเพชรแต่ละชนิด จะช่วยให้สามารถแยกความแตกต่างของเครื่องประดับเพชรได้ว่าชิ้นไหนเป็นของแท้ ก่อนอื่นเรามาดูคุณสมบัติของเพชรแต่ละชนิดกันก่อน

1.เพชรแท้ (Diamond)



เพชรเป็นแร่ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่เกิดจากธาตุคาร์บอน (Carbon) เพียงตัวเดียว ที่โดนแรงกดดัด ความร้อน และอุณหภูมิที่สูงมาก ผ่านกาลเวลานานเป็นล้านล้านปี ทำให้ธาตุคาร์บอน (Carbon) ก่อตัวเป็นเพชร และการระเบิดของภูเขาไฟ ส่งผลทำให้หินที่มีเพชรผสมอยู่ ถูกดันขึ้นสู่ผิวโลก เพชรจึงเป็นอัญมณีที่มีค่ามาก เป็นวัตถุธรรมชาติที่แข็งที่สุดเทียบตามระดับความแข็งเท่ากับ 10 ตามโมส์สเกล (Mohs scale) ซึ่งหมายถึง ความทนทานต่อการขูดขีดให้เป็นรอยด้วยวัตถุต่างๆ ได้ ยกเว้นเพชรด้วยกันเองเท่านั้นถึงจะทำให้เป็นรอยได้ นอกจากนี้ยังมีความวาวแบบเพชร (Adamantine) มีค่าดัชนีหักเหแสงสูง ทำให้เพชรแสดงความวาวและประกาย (Luster and Brilliancy) ออกมาได้สูงมาก เพชรแท้จะมีผลึก 8 เหลี่ยม เมื่อนำเพชรมาเจียระไนให้ได้สัดส่วนอย่างถูกต้อง จะสามารถสะท้อนแสงระยิบระยับเป็นประกายออกมาได้สวยงามมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อัญมณีชนิดอื่นไม่อาจเทียบได้

2.เพชรเทียมหรือเพชรเลียนแบบ (Diamond Substitutes)

เพชรเทียมเป็นเพชรที่ทำการเลียนแบบขึ้นมาโดยขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ โดยมีองค์ประกอบทางเคมี และทางกายภาพต่างจากเพชร ซึ่งในท้องตลาดมีหลายชนิด เพชรเทียมที่เราได้ยินกันบ่อยๆได้แก่ 

CZ (Cubic zirconia)

CZ หรือ"เพชรรัสเซีย" เป็นเพชรเทียมที่นิยมกันมากในตลาดบ้านเรา เนื่องจากมีราคาที่ถูก และมีความแวววาว แต่ถ้าสังเกตดี ๆ แล้ว จะมีความต่างจากเพชรแท้ เช่น เหลี่ยมเจียระไนที่ไม่คมชัด มีการหักเหของแสงที่มากกว่าเพชร
 
โมอิส (Moissanite)

เป็นเพชรเทียมที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเพชรมาก มีความแข็งถึง 9.25 โมส์สเกล การหักเหของแสงอยู่ที่ 2.64-2.69 ในขณะที่เพชรมีการหักเหของแสงอยู่ที่ 2.417 ซึ่งการหักเหที่มากกว่านี้ เป็นตัวช่วยที่ทำให้สามารถแยกโมอีส ออกจากเพชรแท้ได้

3. เพชรสังเคราะห์หรือเพชรแลป (Synthetic diamond)

เป็นเพชรที่ได้จากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ที่มีสูตรเคมี และคุณสมบัติทางแสงเหมือนเพชรธรรมชาติ เนื่องจากใช้เทคนิคจำลองการเกิดเพชรภายใต้ความดันและอุณหภูมิสูง เลียนแบบการเกิดของเพชรแท้

บางครั้งเพชรสังเคราะห์ก็ถูกเรียกวว่า CVD (Chemical Vapor Deposition) และเนื่องจากมีโครงสร้างทางเคมี และกายภาพคล้ายเพชรมาก จึงทำให้แยกออกจากเพชรได้ยาก นอกจากจะต้องใช้เครื่องมือระดับสูงในการแยก

วิธีตรวจสอบเพชร CZ

วิธีตรวจสอบเพชร CZ เบื้องต้น  เมื่อเปรียบเทียบกับเพชร โดยการนำไปส่องไฟ หรือส่องภายใต้แสงธรรมชาติ (แสงแดด) CZ จะเห็นสีรุ้งมากกว่าเพชรแท้ และถ้าเราส่องเหลี่ยมของ CZ โดยใช้ลูป (Loupe) เหลี่ยมจะไม่คมชัดเท่าเหลี่ยมเพชร และสำหรับโมอิสจะมีการหักเหของแสงที่มากกว่าเพชร ทำให้เห็นเหลี่ยมที่ซ้อนกันของโมอีส ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ในการช่วยวิเคราะห์

ในกรณีเพชรสังเคราะห์หรือเพชนแลปมักจะไม่มีตำหนิ หากเจอเพชรไม่มีตำหนิในราคาถูก ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นเพชรสังเคราะห์ เนื่องจากในธรรมชาติ เพชรที่ไม่มีตำหนิจะมีราคาที่สูงมาก นอกจากนี้การตรวจสอบีเพชรสังเคราะห์หรือเพชนแลปที่ดีที่สุด จำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการทดสองคุณสมบัติเพชรชั้นสูงเข้ามาช่วย

หากดูเพชรแท้และเทียมด้วยตาเปล่า คงต้องอาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน และถ้าต้องการความแม่นยำ ต้องอาศัยเครื่องมือต่าง ๆ ช่วยในการวิเคราะห์

กรณีที่ไม่แน่ใจว่าเพชรที่ต้องการซื้อเป็นเพชรแท้หรือไม่ ขอแนะนำให้เลือกซื้อเพชรจาก Lab สถาบัน หรือร้านค้าที่น่าเชื่อถือหลาย ที่ออกใบรับรองเพชรแท้ให้ เช่น GIA (Gemological Institute of America), HRD เป็นต้น เมื่อต้องเสียเงินจำนวนมากในการเลือกซื้อเพชร และการเลือกร้านที่มีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ ก็ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการซื้อเพชรนะคะ



สำหรับใครที่กำลังมองหาเพชรแท้คุณภาพดี ไว้วางใจได้ BYTTNERIA ขอโอกาสและยินดีให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็น แหวนเพชรผู้หญิง แหวนผู้ชาย สร้อยทอง เป็นต้น พร้อมกับบริการหลังการขายสำหรับคนพิเศษเช่นคุณ
#179
ลง Guest Post รับลงบทความ สำหรับผู้ต้องการทำการโฆษณา ขายของ โปรโมทสินค้า ประชาสัมพันธ์ หรือที่เรียกกันว่า Guest Post หากต้องการให้เชื่อมต่อลิงค์กลับไปยังปลายทางเว็บไซต์ส่วนตัว เว็บไซต์บริษัท หรือ Shopee Lazada Facebook Instagram เราก็มีบริการต่อลิงค์กลับไปให้ ที่เรียกกันว่าทำ Backlink ที่จะช่วยเสริมกำลังให้ SEO ของเว็บปลายทางเข้มแข็งขึ้นส่งผลให้อันดับใน Google ของท่านดีขึ้น



Guest Post คืออะไร ?

Guest Post หรือ Guest Blogging คือการเขียนเนื้อหาหรือบทความ เพื่อใช้ในการสื่อสารหรือแนะนำ สินค้า บริการ ข่าวสาร ของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นงาน PR ประชาสัมพันธ์ประเภทหนึ่งก็ว่าได้ เพียงแต่แตกต่างกันที่เมื่อเขียนเสร็จแล้วปกติเราจะยิง Ads หรือเผยแพร่ในพื้นที่ของธุรกิจเราเอง เช่น เพจ เว็บไซต์ของบริษัท แต่การทำ Guest Post จะถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์จากที่อื่น จากเว็บไซต์ที่เราไว้ใจ หรือเล็งเห็นคุณภาพเว็บนั้น ๆ ที่จะลงทุนทำด้วย หลัก ๆ จะดูกันที่เนื้อหาและ DA (Domain Authority : ระดับความนิยม ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์) เพราะมันจะทำให้บทความที่ท่านลงบนเว็บนั้นมีโอกาสติดอันดับดี ๆ ใน Google สูงขึ้นด้วย โดยปกติแล้วส่วนใหญ่จะทำการทิ้งลิงค์เพื่อให้คนอ่านคลิกไปที่ สินค้า บริการ หรือปลายทางที่ต้องการ ซึ่งแต่ละคนก็มีจุดประสงค์ในการทำแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนำเสนอ เพื่อเน้นขาย โปรโมท และอื่น ๆ อีกมากมาย

ทำไมต้องทำ Guest Post ?

เพราะการเขียนบทความและเผยแพร่ในเพจหรือเว็บไซต์ของท่านเองนั้น ถือเป็นการเผยแพร่จากแหล่งที่มาของตัวเอง ในมุมมองผู้บริโภคหรือลูกค้านั้น การมีแหล่งข้อมูลอื่นกล่าวถึงธุรกิจของท่านจะช่วยในการสร้างตัวตนของธุรกิจท่าน หรือทำให้แข็งแรงขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ในมุมมองของ Google เว็บไซต์หรือเพจที่มีการทำ Guest Post นั้นจะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

การทำ Guest Post นั้นโดยพื้นฐานจะทำเพื่อ 2 จุดประสงค์

– เป็นการทำ PR สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มการเข้าถึง การรับรู้แบรนด์ ให้มากขึ้น ดึงดูดให้ลูกค้ารู้จักและเข้าไปเว็บไซต์ หรือแฟนเพจมากขึ้น
– เพิ่มคะแนน Domain Authority ข้างต้นที่กล่าวไปว่ามีการต่อ Backlink กลับไปที่เว็บไซต์ปลายทางเป็นการทำ Backlink ตรงจุดนี้ที่จะช่วยเพิ่มค่า Domain Authority ให้กับเว็บไซต์ปลายทางขึ้นมา



Guest Post ดัน SEO มีผลหรือไม่ ?

การทำ Backlink เป็นเทคนิคหนึ่งในการทำ SEO ซึ่งถ้าพูดถึงการทำ Backlink คือการเพิ่มจำนวน Backlink ให้เยอะเข้าไว้ แต่การทำ Guest Post คือการทำ Backlink เฉพาะที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แตกต่างกันที่เป้าหมาย ซึ่งทาง Cutebix แนะนำให้คัดสรรเว็บที่มีคุณภาพ DA สูง มีการเขียนบทความอัพเดตจากเว็บไซต์นั้นเสมอ และมีคนอ่านจริง ๆ จะคุ้มค่ากว่า อีกทั้งท่านจะได้ทั้งงาน PR , ได้ Backlink ,ได้ Traffic และบทความที่ท่านลงก็มีโอกาสติดอันดับดี ๆ ทำให้ได้ผลที่ดีขึ้นไปอีกระดับ

ข้อควรระวังในการทำ Guest Post

เพื่อหลีกเลี่ยงการบทลงโทษจาก Google ลูกค้าที่สนใจลง Guest Post ทั้งที่สนใจทำกับเราและที่ของท่านอื่น

– ลูกค้าควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์นั้น มีบทความเกี่ยวกับเรื่อง อบายมุข เพศ ความรุนแรงหรือไม่
– ลูกค้าควรค่อย ๆ ทำ Guest Post ให้เป็นธรรมชาติ ไม่ควรเพิ่มครั้งละมาก ๆ จนเกินไปในทีเดียว
– บทความที่นำมาลงควรสดใหม่ เพื่อให้ได้ผลรับที่คุ้มค่า

ลงบทความ Guest Post กับเราดียังไง ?

เว็บของเราเริ่มต้นจากการรีวิวสินค้า จนมีฐานคนอ่านและผู้ติดตามอยู่เสมอ ต่อมาเราได้มีการเปิดให้เช่าแบนเนอร์ภาพตามจุดต่าง ๆ ของเว็บไซต์ ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดี ทำให้เราสามารถต่อยอดสู่การรับลงบทความแนวอื่น ๆ ที่หลากหลายขึ้นได้ โดยลูกค้าที่ลงบทความกับเรานั้น จะได้ผู้ติดตามของเราเข้าไปอ่านบทความ สินค้า บริการ หรือข่าวสารของท่านแน่นอน ดังนั้นการลงบทความกับเราจึงเป็นมากกว่าการลง Guest Post ธรรมดานั่นเอง
#180
งานล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาทำความสะอาดเป็นสิ่งที่พ่อบ้านแม่บ้านหลายคนต้องทำกัน และการจัดการทำความสะอาดบรรดาคราบที่พื้น หรือที่ส้วม ที่ชักโครก หรือเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ใด ๆ แล้วอาจจะยากไม่น้อย กระนั้นต่อจากนี้คงไม่ต้องเป็นกังวลกันอีกต่อไป เพราะเรามีทริคการทำงานสะอาดที่ถูกวิธี จัดการคราบ ขจัดกลิ่นมาเล่าสู่กันฟัง จะเป็นลักษณะไหนบ้างไปติดตามกันดีกว่า



ก่อนเริ่มต้นล้างควรเลือกอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เหมาะสม

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นล้างทำความสะอาดห้องน้ำ ขัดพื้น ขัดส้วม ชักโครกใด ๆ ก็ตาม สิ่งที่ต้องเริ่มต้นก่อนเลยก็คือเรื่องของการเลือกอุปกรณ์ล้างทำความสะอาด ที่ควรจะต้องทำอย่างเหมาะสม เพื่อให้คุณเข้าถึงการล้างที่ถูกวิธีได้ง่าย ๆ ควรมีติดบ้านไว้อย่างที่สุด

- แปรงขัดห้องน้ำที่มีขนเป็นพลาสติก จะมีความสามารถในการจัดการสิ่งสกปรก คราบ หรือกลิ่นได้ดีมากกว่าแบบฝอยขัด เพราะจะทำให้เกิดเป็นรอยที่พื้นผิวห้องน้ำมากกว่า
- การทำความสะอาดห้องน้ำแบบปกติก็จะใช้เป็นน้ำยาฟอกขาว คลอรีน หรือน้ำยาช่วยทำความสะอาด น้ำยาถูพื้นกับห้องน้ำที่ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพิ่มความหอมสดชื่นยาวนาน

ทริคการทำความสะอาดห้องน้ำอย่างถูกวิธีด้วยน้ำยาทำความสะอาด

สำหรับใครที่เริ่มอยากรู้เกี่ยวกับการทำความสะอาดห้องน้ำด้วยน้ำยาอย่างถูกวิธี เราไม่รอช้าที่จะมาบอกทริคพร้อมนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

- เริ่มต้นจากการทำความสะอาดโดยยกฝาโถส้วม และราดน้ำยาล้างห้องน้ำลงที่ขอบ และด้านข้างได้เลย แล้วให้ขัดโถส้วมด้วยการใช้แปรงพลาสติกให้ถูน้ำยาไปทั่ว ๆ ทิ้งไว้สักครูแล้วปิดฝาโถส้วมได้เลย
- ระหว่างที่ปิดฝาก็ให้เตรียมสเปรย์ใช้ทำความสะอาด และกระดาษที่ใช้แล้วทิ้งหรือถ้าไม่มีก็เอาเป็นผ้าขี้ริ้วมาเพื่อทำความสะอาดด้านนอกโถซึ่งให้คุณเร่มต้นเช็ดทำความสะอาดรอบโถได้เลย
- หลังจากปิดฝาทิ้งไว้แล้วก็ให้ขัดภายในโถส้วมอีกครั้ง ก่อนที่จะราดน้ำ หรือกดชักโครกเพื่อชำระล้างน้ำยา + สิ่งสกปรกต่าง ๆ
- ในส่วนของคราบตะกรันที่ติดแน่นตามพื้นให้เอาหินภูเขาไฟเปียกมาถูรอบบริเวณนั้นได้เลย และต้องระวังไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนด้วย เท่านี้ห้องน้ำของคุณก็จะกลับมาสดชื่น ไร้คราบ สิ่งสกปรก กลิ่นหอมน่าเข้าใช้งาน

อย่างไรก็ดีทุกครั้งที่มีการใช้สารฟอกขาว หรือน้ำยาทำความสะอาดใด ๆ ก็ตาม ต้องมีการสวมใส่ชุดป้องกัน หรือสวมถุงมือให้เรียบร้อยด้วย พร้อมทั้งเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ส่งผลต่อสุขภาพผู้รับหน้าที่ล้างทำความสะอาดในอนาคตไปได้