• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

5 ปัญหาสุขภาพจิตคุกคามชีวิตวัยทำงาน

Started by Sunday, February 26, 2023, 03:47:43 PM

Previous topic - Next topic

Sunday



ในตอนวัยที่จำเป็นต้องรับศึกหนักจากปัญหาภายในสังคมรอบด้าน ทั้งยังแรงกดดันจากหน้าที่การงานอันหนัก สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ลดน้อย รวมทั้งภาพลักษณ์ที่การเปรียบเทียบจากสังคม หลอมรวมคือปัญหาด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่พร้อมจะรัวหมัดเข้าใส่ไม่ยั้ง ไม่เพียงแต่ทางด้านร่างกาย แต่ว่าจิตใจที่เคลื่อนความนึกคิดและก็ความรู้สึกข้างในก็สามารถไม่สบายได้เช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้มีชาวไทยจำนวนหลายชิ้นเผชิญกับวังวนที่ความเคร่งเครียดกระทั่งสะสมคือปัญหาสุขภาพด้านจิตที่ตกอับ โดยยิ่งไปกว่านั้นวัยทำงานอย่างมนุษย์สถานที่ทำงานทั้งหลายแหล่ ซึ่งปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่คนทำงานในออฟฟิศบางทีอาจจำต้องพบเจอนั้น มีอะไรบ้างที่คนทำงานในออฟฟิศวัยทำงานรวมทั้งเพื่อนพ้องร่วมสถานที่ทำงานพึงสังเกต พวกเราได้สะสมข้อมูลมาฝากไว้ตรงนี้แล้ว

5 ปัญหาด้านสุขภาพจิต ที่คนทำงานออฟฟิศต้องระวัง
1. เครียดสะสม
การใช้ชีวิตบนความเคร่งเครียด แรงกดดัน รวมทั้งมีความมุ่งหวังสูง 5-6 วันต่ออาทิตย์ มักเป็นต้นเหตุของอาการเครียดสะสม หนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่ผู้คนจำนวนมากเป็นแต่ว่าไม่รู้ตัว พูดได้ว่ารู้สึกตัวอีกครั้งก็บางทีอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานและก็คนที่อยู่รอบข้างไปแล้ว ดูได้จากการกระทำที่แปรไปอีกทั้งด้านอารมณ์รวมทั้งการใช้ชีวิต เป็นต้นว่า นอนไม่หลับ ตื่นตกดึก นิ่งเฉย หมดอาลัยตายอยาก เศร้าใจ อารมณ์ทางเพศลดน้อยลง ฯลฯ ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้บางทีอาจแปลงเป็นสภาวะอันตรายที่ก่อให้เกิดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางกายตามมาได้ ทั้งยังหัวใจ ความดันเลือด ไมเกรน เครียดลงกระเพาะ และก็อื่นๆได้

จัดแจงความตึงเครียด (ก่อน) สะสม ด้วยการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหารวมทั้งแก้ไขที่มูลเหตุนั้นๆตระเตรียมสภาพแวดล้อมรอบข้างให้มองชื่นบาน ด้วยการเปลี่ยนแปลงมุมโต๊ะทำงานใหม่ลดความจำเจ และก็บรรเทาตนเองด้วยการออกไปพบปะสนทนาผู้คน ท่องเที่ยว ชอปปิง หรือแนวทางซึ่งสามารถทำเป็นง่ายด้วยการออกไปเดินสูดอากาศที่สวนสาธารณะก็ช่วยทำให้บรรเทาก้าวหน้าเพิ่มขึ้น แม้กระนั้นหากคิดว่าไม่สามารถที่จะจัดแจงกับความเคร่งเครียดด้วยตัวเองได้ หรือเครียดมากมายจนกระทั่งไม่ไหวชี้แนะให้หารือจิตแพทย์ หรือนักบำบัดรักษา สนทนาเพื่อหาทางแก้ไขแนวทางอื่นๆแทน หรือกินยาที่ช่วยทำให้บรรเทามากขึ้นเรื่อยๆ

2. ภาวการณ์หมดไฟสำหรับในการดำเนินงาน (Burnout Syndrome)
บางทีอาจพูดได้ว่าคือปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับจิตที่กำลังเดินทางมาแรงในกรุ๊ปบุคลากรสถานที่ทำงาน เป็นภาวการณ์ความเคลื่อนไหวด้านจิตใจอันมีที่มาจากความตึงเครียดสะสม เดี๋ยวนี้ได้รับการขึ้นบัญชีจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้วว่าเป็นโรคซึ่งสามารถมีผลร้ายแรงแล้วก็รุกรามการดำรงชีวิตได้แม้มิได้รับการดูแลอย่างถูกแนวทางจากหมอผู้ชำนาญ โดยปัจจัยมักมีเหตุมาจากความตึงเครียดเรื้อรังสำหรับในการปฏิบัติงาน ภาระหน้าที่งานที่หนักสลับซับซ้อนเกินกว่าที่จะรับผิดชอบได้ไหว บ่อนทำลายจิตใจกระทั่งเปลี่ยนภาวะเป็นความหมดไฟสุดท้าย ความเมื่อยล้าล้าทางอารมณ์นำมาซึ่งการทำให้มุมมองที่มีต่อการดำเนินการเป็นไปในด้านลบ ขาดความสบาย ไม่มีแรงดึงดูดใจไม่ได้อยากต้องการลุกไปออฟฟิตในรุ่งเช้า รวมทั้งอาจจะทำให้คุณภาพสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานลดลง ซึ่งแม้ปลดปล่อยให้นานวันเข้าอาจมีแนวโน้มร้ายแรงขึ้นรวมทั้งเสี่ยงต่อโรคเศร้าหมองได้

ต่อกรกับสภาวะหมดไฟได้อย่างกล้าหาญ เพียงแค่รับทราบว่าร่างกายและจิตใจของตนกำลังไปสู่สภาวะความเบื่อจากการทำงานได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าขนลุกอีกต่อไป ด้วยการเปิดใจกับคนที่อยู่รอบข้าง หารือสหายร่วมงาน หรือหัวหน้าถึงปัญหาที่จำเป็นต้องแบกรับไว้ สารภาพในความแตกต่าง ยอมรับฟังข้อคิดเห็นที่บางทีอาจมีความขัดแย้ง ปล่อยวางในเรื่องที่นอกจากการควบคุม ฟื้นฟูปรับปรุงก่อนที่จะสายได้ด้วยตัวเองโดยการไม่ตรวจงานกลับไปทำที่บ้าน แยกเวลาส่วนตัวแล้วก็งานออกมาจากกันให้แจ่มชัด

3. สภาวะความชอบใจในตัวเองต่ำ (Low self esteem)
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่คนที่ทำงานภายในออฟฟิศใครอีกหลายๆคนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังพบเจอภาวการณ์นี้อยู่ โน่นเป็น ความรู้สึกซึมเซา เกลียดสิ่งที่เราเองได้ตกลงใจทำลงไปแล้วมากมายเสียจนกระทั่งคิดว่าตนเองไม่มีค่า สูญเสียความรู้สึกให้เกียรติตนเอง แบกรับปัญหารวมทั้งกล่าวร้ายว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากตนเองไม่ดีพอเพียง ตีความหมายเรื่องต่างๆในทางลบเสมอ เป็นภาวการณ์เสี่ยงมากมายที่จะก้าวผ่านสู่โรคเซื่องซึม สัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับผู้กำลังพบเจอวิกฤติ Low self esteem เป็นความหวั่นไหวไปกับเรื่องเล็กน้อยได้ง่าย ตื่นตระหนก ไปจนกระทั่งกลัวการเข้าสังคมเนื่องจากกลัวที่จำเป็นต้องถูกไม่ยอมรับ เวลาเดียวกันก็ไม่กล้าไม่ยอมรับคำร้องขอของคนอื่นเนื่องมาจากกลัวไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งอาการพวกนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการขาดความเชื่อมั่นและมั่นใจแล้วก็เลื่อมใสในตัวเองที่สะสมมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

สร้าง self esteem ด้วยตัวเองได้ก่อนที่จะความเชื่อมั่นและมั่นใจทางจิตใจจะหายไป โดยเริ่มจากการยกโทษให้ตัวเองในความบกพร่องที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องง่ายๆหรือเรื่องสำคัญขอให้บอกตนเองว่ามันได้ผ่านไปแล้ว บอกขอบคุณมากแล้วก็ให้คำชมเชยกับตนเองในทุกการบรรลุเป้าหมายถึงแม้เกิดเรื่องเพียงนิดหน่อย จะดีขึ้นถ้าได้แรงช่วยเหลือจากคนที่อยู่รอบข้าง ซึ่งสามารถมอบพลังบวกและก็ความสุขใจให้ได้ สารภาพว่าความเสร็จของแต่ละคนสื่อความหมายแตกต่างกัน หยุดเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ความสบายก็จะเกิดขึ้นได้ในหัวใจพวกเราเอง

4. โรคเหงาหงอย (Depression)
เป็นการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างหนึ่งเหมือนกับโรคทางกายจำพวกอื่นๆการเป็นโรคเซื่องซึมมิได้แปลว่าเป็นคนไม่แข็งแรง หรือไร้ความรู้ความเข้าใจ แต่ว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากความไม่พอดีของสารสื่อประสาทในสมอง ที่ส่งผลกระทบโดยรวมต่ออารมณ์ ความรู้สึก การกระทำ ไปจนกระทั่งสุขภาพเกี่ยวกับร่างกาย ซึ่งจากสถิติพบว่าชาวไทยแก่กว่า 15 ปี มีปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับจิต มีอาการป่วยเป็นโรคหม่นหมองสูงขึ้นยิ่งกว่า 1.5 ล้านคน เพราะว่านอกเหนือจากสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่มาพร้อมความเคร่งเครียดจากงานที่กองล้นโต๊ะ แรงกดดันจากการทำงานที่สะสางได้ยาก สภาพสังคม กรรมพันธุ์ และก็สภาพแวดล้อม ล้วนมีส่วนสำคัญที่ทำให้มีการเกิดภาวการณ์เซื่องซึมด้วย พวกเราสามารถตรวจสอบตนเองรวมทั้งคนที่อยู่รอบข้างว่าอยู่ในข่ายโรคเศร้าหมองหรือเปล่า ด้วยอาการซึม กลัดกลุ้ม เศร้าสร้อย เก็บตัว รู้สึกอิดหนาระอาใจกับสิ่งที่เคยทำให้แฮปปี้ ซึ่งบางทีอาจร้ายแรงไปจนกระทั่งขั้นคิดสั้น หรือทำข้อสอบภาวการณ์หม่นหมอง เพื่อประเมินสุขภาพที่เกิดขึ้นกับจิตของตนเองพื้นฐาน


5. กรุ๊ปโรควิตกแล้วก็แพนิค (Panic Disorder)
เป็นโรคไม่สบายใจประเภทหนึ่ง มีต้นเหตุที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติที่รอควบคุมส่วนต่างๆของร่างกายดำเนินการเปลี่ยนไปจากปกติ รวมทั้งมีความเคร่งเครียดและก็แรงกดดันเข้ามาเป็นเครื่องกระตุ้น มักออกอาการได้หลายแบบด้วยกัน อย่างเช่น หัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหงื่อไหลไคลย้อยมากมาย หายใจแรง อ้วก เวียนหัวแบบกระทันหัน ตัวชา กักคุมเองมิได้ ไปจนกระทั่งการกลัวสิ่งรอบข้างกระทั่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพจิตที่รุกรามชีวิตของคนที่อยู่ในวัยทำงานไม่มากมายก็น้อย

โรคกังวลสามารถรักษาได้ด้วยการกินยาเพื่อปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง พร้อมกันไปกับการฝึกหัดหายใจเพื่อควบคุมอารมณ์ รู้ทันความไม่สาบายใจในใจที่เกิดขึ้น ถึงแม้อาการด้านนอกจะมองปลอดภัยรุนแรง แม้กระนั้นถ้าหากอยู่ในกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคไม่สบายใจแล้วควรจะหารือสุขภาพด้านจิตกับจิตแพทย์ เพื่อเข้ารับการดูแลรักษาที่ถูก เนื่องมาจากอาการโรคคล้ายกับปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆที่บางทีอาจมีผลรุนแรงมากยิ่งกว่า ดังเช่นว่า โรคความดันเลือดสูง หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจ


อย่าทำให้ปัญหาด้านสุขภาพจิตอย่างโรคเหงาหงอยรุกรามชีวิตกระทั่งเกินปรับปรุง พวกเราสามารถไกลห่างโรคเซื่องซึมได้ด้วยการคลายอารมณ์ความเครียดจากงาน ฝึกหัดให้ตัวเองคิดบวกมองโลกแง่บวก แบ่งเวลาออกไปดำเนินการอดิเรกที่ถูกใจ รวมทั้งบริหารร่างกายและก็พักให้พอเพียง แต่ว่าถ้าเกิดอยู่ในกรุ๊ปเสี่ยงแล้วสามารถต่อกรสภาวะหม่นหมองด้วยการปรึกษาหารือและขอคำแนะนำจิตแพทย์ เพื่อพินิจพิจารณาและก็หาวิถีทางรักษาอย่างถูกแนวทาง รวมทั้งเมื่อได้โอกาสได้สนิทสนมกับคนเจ็บโรคหม่นหมอง การเป็นคนฟังที่ดีจะช่วยทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกบรรเทาได้มากขึ้น

ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตคือปัญหาซึ่งสามารถกำเนิดได้กับทุกเพศ ทุกอาชีพ และก็ทุกวัย เมื่อรู้สึกไม่ไหวบอก "ไม่ไหว" ไม่ต้องไปฝืนใจ เพราะเหตุว่าโน่นบางทีอาจเป็นการปกปิดปัญหาและก็รังแกตนเองมากมายไปกว่าเดิม ไม่เพียงแค่คนทำงานในออฟฟิศแค่นั้น การรับทราบตนเอง รู้เรื่องสภาวะที่เกิดขึ้นในพื้นฐาน ก็สามารถทำให้พวกเรารู้ทันและก็ตระเตรียมต่อกรกับสุขภาพทางจิตที่เปลี่ยนได้อย่างถูกทาง ด้วยเหตุนี้อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพร่างกายจิตให้กล้าแกร่ง ร่วมกับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ดูเพื่อนพ้องร่วมที่ทำงานด้วยความรู้ความเข้าใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกันเมื่อได้โอกาส เปิดโอกาสตนเองได้จุดโฟกัสชีวิตในมุมมองที่สุขสบายกันเหอะ

ถ้าเกิดรู้สึกตัวว่าภาวการณ์เครียดเริ่มรุกรามจิตใจ หรือกำลังเจอปัญหาด้านของสุขภาพจิต สามารถติดต่อศูนย์บริการเฉพาะทางเพื่อขอคำแนะนำจากจิตแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญ แล้วก็รับการดูแลรักษาอย่างถูกแนวทางถัดไป

ศูนย์สุขภาพดวงใจ ชั้น 18 โรงหมอหลุดพ้น
เวลา 08.00-17.00 น. หรือโทร 02-079-0078
หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายหมอ หรือบริการหารือแพทย์ออนไลน์